หน่วยที่ 2


รองเท้าของเธอ

       จงทิ้งรองเท้าเก่าของเธอไปเสีย

หลังจากแต่งงานแล้ว ผู้ชายส่วนใหญ่จะเกิดความผูกพันช้ากว่าผู้หญิง แน่นอนว่าเธออยู่เพื่อครอบครัว แต่เขายังคิดแบบคนหนุ่มที่ใช้ชีวิตโสดอยู่ เขาบ่นเรื่องชุดสูทที่จะต้องสวมไปร่วมงานแต่งงานลูกพี่ลูกน้องเขาไม่มีชุดสูทที่จะเป็นหน้าเป็นตาได้เลยเพราะอาชีพของเขาเป็นอาชีพที่ไม่ได้สวมใส่ชุดสูททุกวัน พอมองหาชุดสูทในตู้เสื้อผ้า เขาก็เริ่มทำท่าหมดแรงขึ้นมาทันที

“อ้อ! เหลอค่ะ ถ้างั้นเสาร์อาทิตย์นี้เราไปห้างสรรพสินค้ากันนะค่ะ”

เธอนิ่งฟังอยู่นาน แล้วก็เอ่ยปากนัดหมายกับเขา ปกติเขาเป็นคนไม่ชอบไปเดินห้างสรรพสินค้า หรือร้านขายของต่างๆนอกจากมีความจำเป็นที่จะต้องไปหาซื้อข้าวซื้อของสำหรับตนเองเท่านั้น  วันนั้นก็เช่นกัน เขาไปห้างสรรพสินค้าด้วยความจำเป็น

ที่แผนกเสื้อผ้าบุรุษไม่ค่อยมีคนเดินมากนัก พนักงานเลือกชุดสูทสองสามชุดให้เขาลองสวม แล้วเขาก็เลือกชุดที่ถูกใจออกมา เธอเอาแต่ลูบชุดสูทแล้วชักสีหน้าไม่ค่อยดี พลางพึมพำออกมาว่า “แพงจัง” แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเธอเลย

“ชุดสูทน่ะต้องซื้อของดีๆ เลยดีกว่าน่ะ”

เธอพยามดึงสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด แล้วก็จัดการซื้อชุดสูทนั้นพนักงานบอกว่า ชุดสูทนี้พึ่งมาใหม่แต่ยินดีลดราคาให้ เธอได้ยินแล้วรู้สึกดีขึ้น แต่ต้องรอให้พนักงานตัดขากางเกงออก ซึ่งใช้เวลาประมาณ 30 นาที เธอกับเขาจึงตัดสินใจเที่ยวห้างรอ วันนี้เป็นวันเสาร์แต่ในห้างไม่ค่อยมีคนเดินเท่าไหร่ มีคนไม่กี่คนรุมกันอยู่บริเวณสินค้าลดราคานิดหน่อย

แต่แล้วจู่ๆ ร่างของเธอก็เอี้ยวหันกลับ เขาคว้าแขนเธอไว้เพื่อช่วยไม่ให้เธอล้มลง สายรองเท้าของเธอขาดผึ่ง รองเท้าคู่นี้เธอสวมมาตั้งแต่สมัยคบกับเขาเป็นแฟน มันสวมใส่สบายมาก เมื่อถึงฤดูร้อนเธอก็หยิบร้องเท้าคู่นี้ออกมาสวมเป็นประจำทุกปี แต่ทว่า...ตอนนี้สายของมันขาดเสียแล้ว เธอค่อยๆ ลากเท้าไปข้างหน้า แต่เขาสิ ไม่สนใจเธอเลยสักนิด เขากลับเดินยิ้มร่ารับชุดสูทชุดใหม่กลับบ้านอย่างชื่นตาบาน

เขาหยิบชุดสูทที่พึ่งซื้อมาสวมอีกครั้ง เธอไม่อยู่ตรงนั้น เขานั่งอยู่ในห้องนานพอสมควรแล้ว เธอก็ยังไม่ปรากฏตัว เขาเดินออกไปที่ห้องนั่งเล่น แล้วเห็นเธอกำลังนั่งทำอะไรบางอย่างอยู่

เธอนั่งเย็บสายรองเท้าที่ขาดอยู่ ทางทางเข็มของเธอจะหักเพราะหนังของสายร้องเท้าหนาเกินไป เขาทำสีหน้าขุ่นเคืองเมื่อเห็นเธอจากข้างหลัง  เขานึกอะไรขึ้นมาได้เลยเปิดตู้รองเท้า

ในตู้รองเท้ามีรองเท้าหลากหลายคู่อยู่เต็มไปหมด รวมทั้งรองเท้ากีฬาแต่เขากลับมองไม่เห็นรองเท้าที่เธอพอจะสวมได้เลยสักคู่ จะมีก็เพียงแค่รองเท้าหุ้มส้นที่เคยสวมตอนแต่งงานเพียงคู่เดียว เขาทั้งประหลาดใจและงงมาก

“ถึงเราจะหาเงินได้ไม่มากเท่าคนอื่น แต่ก็คิดว่าจะทำให้เธอมีความสุขพอๆ กับคนนี้นี่นา...เราคิดเสมอว่า เราเป็นผู้ชายที่ใช้ได้มาโดยตลอดแท้ๆ...”

เขาเริ่มละอายใจ การที่เธอสวมรองเท้าแตะอยู่ทุกวันไม่ใช่เพราะว่าใส่แล้วสบาย หากเป็นเพราะว่า เธอไม่มีรองเท้าคู่อื่นแล้วต่างหาก

เขาเริ่มเปลี่ยนความรู้สึกจากอายเป็นโกรธเคือง เขารู้สึกสงสารเมื่อเห็นภาพเธอนั่งซ่อมรองเท้าตรงหน้า เขารู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผู้ชายมักโกรธคนอื่นมากกวาตนเอง เมื่อรู้ว่าตัวเองไม่มีความสามารถ และไม่มีความใส่ใจอะไรอื่นเลย เขารู้สึกโมโหเมื่อเห็นเธอในสภาพแบบนี้เขารีบคว้ารองเท้าจากมือของเธอแล้วขว้างทิ้งไปที่ถังขยะทันที

“จะซ่อมไปทำไมอีก ก็ถือโอกาสนี้ซื้อรองเท้าใหม่ดีกว่าสิ!

“อยู่กับบ้านจะซื้อใหม่ทำไมล่ะคะ อีกอย่างตอนนี้ฤดูร้อนก็จะผ่านไปแล้วด้วย...”

ว่าแล้วเธอก็เดินไปหยิบรองเท้านั่นมาอีก

“นี่! อย่ามาตัวน่าสงสารเลย ทิ้งรองเท้านี้ไปซะ บอกให้ไง!

เขาแผดเสียงใส่เธอ แต่ในใจชั่งหดหู่เหลือเกิน เขารู้สึกละอายใจที่ตัวเองร้องเพลงด้วยความปลาบปลื้มขณะที่ลองสวมชุดสูทที่เพิ่งซื้อมาใหม่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาละอายใจต่อเธอหลังจากที่อยู่กินด้วยกันมา จิตใจห่อเหี่ยวมากยิ่งขึ้นเมื่อรับรู้ถึงสภาพอันหน้าสงสารของเธอ และยิ่งเศร้าใจที่ได้รู้ว่าเธอเป็นอย่างนี้เพราะตัวเขาเอง

        เขานิกอยากจะซื้อรองเท้าสวยๆให้เธอสักคู่ แต่ไม่มีเงินเลย เขามอบเงินเดือนทั้งหมดให้เธอไป แล้วก็รับแค่ค่ากินขาวและค่ารถเป็นวันๆเท่านั้น เงินที่สระสมไว้กับตัวเองไม่มีแม้แต่วอนเดียว เขาได้แต่ยิ้มแห้งๆ

“แต่งงานทำไมเนี่ย...ไม่ได้เรื่องเลยเรา”

เอ...จะใช้บัตรเครดิตไปรูดดีไหมนะ เขาเดินออกมาจากบ้าน พลันสายตาเหลือบไปเห็นคนขายรองเท้าราคาคู่ละหมื่นวอนวางอยู่

เขาซื้อรองเท้าสีขาวติดริบบิ้นตกแต่งอย่างสวยงามคู่หนึ่ง ด้วยความรู้สึกสำนึกผิดต่อภรรยา แต่จะยื่นรองเท้าไปพร้อมถุงพลาสติกสีดำนี่ก็ดูจะเป็นของไร้ค่าถูกสินะ เขายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดใจ ภาพของป้ายราคาชุดสูทลอยมาตรงหน้า เขาน้ำตาคลอ

รองเท้าคู่เก่าของเธอยังคงถูกวางไว้ที่เดิมตรงหน้าประตูเข้าบ้านเธอคงไม่อยากทิ้งมันเพราะเสียดาย เธอตัดสายออกแล้วเปลี่ยนสภาพของมันให้กลายเป็นรองเท้าแตะไป มันจะอยู่ได้อีกซักกี่ปีกันนะ มองรองเท้าคู้นี้แล้วมองเห็นตัวเธอ เพราะมันมีภาพของเธอซ่อนขึ้นมาเสมอ

เขาหันหน้าไปเห็นเธอสวมรองเท้าคู่ใหม่แล้วยิ้มออกมา

“เท้าของฉันแบนน่ะ ก็เลยใส่รองเท้าแบบนี้ไม่ค่อยได้ เหมือนกำลังใส่รองเท้าแก้วของชินเดอเรลล่าเลยล่ะค่ะ” เขาค่อยๆ บรรจงจับที่เท้าของเธอด้วยความระมัดระวัง และเอ่ยขึ้น”ผมขอโทษน่ะ...ขอโทษจริงๆ”

ลองเปิดตู้รองเท้าดูบ้าง แล้วเอารองเท้าเก่าๆ ของเธอทิ้งไปเสียหารองเท้าคู่ใหม่มาเป็นของขวัญเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่เธอ  รองเท้าคือความมั่นใจของผู้หญิง ยิ่งเป็นของมีราคาก็ยิ่งดี คุณค่าของรองเท้าไม่ใช่เพียงแค่ความหรูหรา หากแต่เป็นการที่คุณได้สร้างความมั่นใจให้แก่เธอ คุณได้ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ายิ่งขึ้น
 


แหล่งที่มา:สิทธินี ธรรมชัย(2550)ชีวิตคู่อยู่ด้วยรักและเข้าใจ.บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น