รองเท้าของเธอ
จงทิ้งรองเท้าเก่าของเธอไปเสีย
หลังจากแต่งงานแล้ว
ผู้ชายส่วนใหญ่จะเกิดความผูกพันช้ากว่าผู้หญิง แน่นอนว่าเธออยู่เพื่อครอบครัว
แต่เขายังคิดแบบคนหนุ่มที่ใช้ชีวิตโสดอยู่ เขาบ่นเรื่องชุดสูทที่จะต้องสวมไปร่วมงานแต่งงานลูกพี่ลูกน้องเขาไม่มีชุดสูทที่จะเป็นหน้าเป็นตาได้เลยเพราะอาชีพของเขาเป็นอาชีพที่ไม่ได้สวมใส่ชุดสูททุกวัน
พอมองหาชุดสูทในตู้เสื้อผ้า เขาก็เริ่มทำท่าหมดแรงขึ้นมาทันที
“อ้อ! เหลอค่ะ ถ้างั้นเสาร์อาทิตย์นี้เราไปห้างสรรพสินค้ากันนะค่ะ”
เธอนิ่งฟังอยู่นาน แล้วก็เอ่ยปากนัดหมายกับเขา
ปกติเขาเป็นคนไม่ชอบไปเดินห้างสรรพสินค้า
หรือร้านขายของต่างๆนอกจากมีความจำเป็นที่จะต้องไปหาซื้อข้าวซื้อของสำหรับตนเองเท่านั้น วันนั้นก็เช่นกัน
เขาไปห้างสรรพสินค้าด้วยความจำเป็น
ที่แผนกเสื้อผ้าบุรุษไม่ค่อยมีคนเดินมากนัก
พนักงานเลือกชุดสูทสองสามชุดให้เขาลองสวม แล้วเขาก็เลือกชุดที่ถูกใจออกมา
เธอเอาแต่ลูบชุดสูทแล้วชักสีหน้าไม่ค่อยดี พลางพึมพำออกมาว่า “แพงจัง”
แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเธอเลย
“ชุดสูทน่ะต้องซื้อของดีๆ
เลยดีกว่าน่ะ”
เธอพยามดึงสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด
แล้วก็จัดการซื้อชุดสูทนั้นพนักงานบอกว่า ชุดสูทนี้พึ่งมาใหม่แต่ยินดีลดราคาให้
เธอได้ยินแล้วรู้สึกดีขึ้น แต่ต้องรอให้พนักงานตัดขากางเกงออก ซึ่งใช้เวลาประมาณ 30 นาที เธอกับเขาจึงตัดสินใจเที่ยวห้างรอ
วันนี้เป็นวันเสาร์แต่ในห้างไม่ค่อยมีคนเดินเท่าไหร่
มีคนไม่กี่คนรุมกันอยู่บริเวณสินค้าลดราคานิดหน่อย
แต่แล้วจู่ๆ
ร่างของเธอก็เอี้ยวหันกลับ เขาคว้าแขนเธอไว้เพื่อช่วยไม่ให้เธอล้มลง
สายรองเท้าของเธอขาดผึ่ง รองเท้าคู่นี้เธอสวมมาตั้งแต่สมัยคบกับเขาเป็นแฟน
มันสวมใส่สบายมาก เมื่อถึงฤดูร้อนเธอก็หยิบร้องเท้าคู่นี้ออกมาสวมเป็นประจำทุกปี
แต่ทว่า...ตอนนี้สายของมันขาดเสียแล้ว เธอค่อยๆ ลากเท้าไปข้างหน้า แต่เขาสิ
ไม่สนใจเธอเลยสักนิด เขากลับเดินยิ้มร่ารับชุดสูทชุดใหม่กลับบ้านอย่างชื่นตาบาน
เขาหยิบชุดสูทที่พึ่งซื้อมาสวมอีกครั้ง
เธอไม่อยู่ตรงนั้น เขานั่งอยู่ในห้องนานพอสมควรแล้ว เธอก็ยังไม่ปรากฏตัว
เขาเดินออกไปที่ห้องนั่งเล่น แล้วเห็นเธอกำลังนั่งทำอะไรบางอย่างอยู่
เธอนั่งเย็บสายรองเท้าที่ขาดอยู่
ทางทางเข็มของเธอจะหักเพราะหนังของสายร้องเท้าหนาเกินไป
เขาทำสีหน้าขุ่นเคืองเมื่อเห็นเธอจากข้างหลัง
เขานึกอะไรขึ้นมาได้เลยเปิดตู้รองเท้า
ในตู้รองเท้ามีรองเท้าหลากหลายคู่อยู่เต็มไปหมด
รวมทั้งรองเท้ากีฬาแต่เขากลับมองไม่เห็นรองเท้าที่เธอพอจะสวมได้เลยสักคู่
จะมีก็เพียงแค่รองเท้าหุ้มส้นที่เคยสวมตอนแต่งงานเพียงคู่เดียว
เขาทั้งประหลาดใจและงงมาก
“ถึงเราจะหาเงินได้ไม่มากเท่าคนอื่น
แต่ก็คิดว่าจะทำให้เธอมีความสุขพอๆ กับคนนี้นี่นา...เราคิดเสมอว่า
เราเป็นผู้ชายที่ใช้ได้มาโดยตลอดแท้ๆ...”
เขาเริ่มละอายใจ
การที่เธอสวมรองเท้าแตะอยู่ทุกวันไม่ใช่เพราะว่าใส่แล้วสบาย หากเป็นเพราะว่า
เธอไม่มีรองเท้าคู่อื่นแล้วต่างหาก
เขาเริ่มเปลี่ยนความรู้สึกจากอายเป็นโกรธเคือง
เขารู้สึกสงสารเมื่อเห็นภาพเธอนั่งซ่อมรองเท้าตรงหน้า
เขารู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผู้ชายมักโกรธคนอื่นมากกวาตนเอง
เมื่อรู้ว่าตัวเองไม่มีความสามารถ และไม่มีความใส่ใจอะไรอื่นเลย
เขารู้สึกโมโหเมื่อเห็นเธอในสภาพแบบนี้เขารีบคว้ารองเท้าจากมือของเธอแล้วขว้างทิ้งไปที่ถังขยะทันที
“จะซ่อมไปทำไมอีก
ก็ถือโอกาสนี้ซื้อรองเท้าใหม่ดีกว่าสิ!”
“อยู่กับบ้านจะซื้อใหม่ทำไมล่ะคะ
อีกอย่างตอนนี้ฤดูร้อนก็จะผ่านไปแล้วด้วย...”
ว่าแล้วเธอก็เดินไปหยิบรองเท้านั่นมาอีก
“นี่! อย่ามาตัวน่าสงสารเลย ทิ้งรองเท้านี้ไปซะ บอกให้ไง!”
เขาแผดเสียงใส่เธอ
แต่ในใจชั่งหดหู่เหลือเกิน เขารู้สึกละอายใจที่ตัวเองร้องเพลงด้วยความปลาบปลื้มขณะที่ลองสวมชุดสูทที่เพิ่งซื้อมาใหม่
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาละอายใจต่อเธอหลังจากที่อยู่กินด้วยกันมา
จิตใจห่อเหี่ยวมากยิ่งขึ้นเมื่อรับรู้ถึงสภาพอันหน้าสงสารของเธอ
และยิ่งเศร้าใจที่ได้รู้ว่าเธอเป็นอย่างนี้เพราะตัวเขาเอง
เขานิกอยากจะซื้อรองเท้าสวยๆให้เธอสักคู่ แต่ไม่มีเงินเลย
เขามอบเงินเดือนทั้งหมดให้เธอไป แล้วก็รับแค่ค่ากินขาวและค่ารถเป็นวันๆเท่านั้น
เงินที่สระสมไว้กับตัวเองไม่มีแม้แต่วอนเดียว เขาได้แต่ยิ้มแห้งๆ
“แต่งงานทำไมเนี่ย...ไม่ได้เรื่องเลยเรา”
เอ...จะใช้บัตรเครดิตไปรูดดีไหมนะ
เขาเดินออกมาจากบ้าน พลันสายตาเหลือบไปเห็นคนขายรองเท้าราคาคู่ละหมื่นวอนวางอยู่
เขาซื้อรองเท้าสีขาวติดริบบิ้นตกแต่งอย่างสวยงามคู่หนึ่ง
ด้วยความรู้สึกสำนึกผิดต่อภรรยา
แต่จะยื่นรองเท้าไปพร้อมถุงพลาสติกสีดำนี่ก็ดูจะเป็นของไร้ค่าถูกสินะ
เขายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดใจ ภาพของป้ายราคาชุดสูทลอยมาตรงหน้า เขาน้ำตาคลอ
รองเท้าคู่เก่าของเธอยังคงถูกวางไว้ที่เดิมตรงหน้าประตูเข้าบ้านเธอคงไม่อยากทิ้งมันเพราะเสียดาย
เธอตัดสายออกแล้วเปลี่ยนสภาพของมันให้กลายเป็นรองเท้าแตะไป มันจะอยู่ได้อีกซักกี่ปีกันนะ
มองรองเท้าคู้นี้แล้วมองเห็นตัวเธอ เพราะมันมีภาพของเธอซ่อนขึ้นมาเสมอ
เขาหันหน้าไปเห็นเธอสวมรองเท้าคู่ใหม่แล้วยิ้มออกมา
“เท้าของฉันแบนน่ะ
ก็เลยใส่รองเท้าแบบนี้ไม่ค่อยได้
เหมือนกำลังใส่รองเท้าแก้วของชินเดอเรลล่าเลยล่ะค่ะ” เขาค่อยๆ
บรรจงจับที่เท้าของเธอด้วยความระมัดระวัง และเอ่ยขึ้น”ผมขอโทษน่ะ...ขอโทษจริงๆ”
ลองเปิดตู้รองเท้าดูบ้าง
แล้วเอารองเท้าเก่าๆ
ของเธอทิ้งไปเสียหารองเท้าคู่ใหม่มาเป็นของขวัญเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่เธอ รองเท้าคือความมั่นใจของผู้หญิง
ยิ่งเป็นของมีราคาก็ยิ่งดี คุณค่าของรองเท้าไม่ใช่เพียงแค่ความหรูหรา
หากแต่เป็นการที่คุณได้สร้างความมั่นใจให้แก่เธอ
คุณได้ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ายิ่งขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น