หน่วยที่ 3


ความจริงในความรัก

การแต่งงานคือการเผชิญหน้ากับความจริง

        เขาเปรียบดั่งฤดูใบไม้ร่วงที่เงียบเหงาอ้างว้าง ฤดูใบไม้ร่วงเป็นเสมือนฤดูกาลสำหรับผู้ชาย ก่อนแต่งงานเขามักออกไปเที่ยวรับลมเย็นๆ และดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ไหนสักแห่งหนึ่งอยู่เสมอ

        แต่เดี๋ยวนี้...เขาทำตัวเหมือนก่อนแต่งงานไม่ได้ แม้เขายังใฝ่ฝันถึงบรรยากาศนั้นอยู่เสมอ เขาต้องคอยทำมาหาเงินเพื่อเลี้ยงภรรยาและลูกน้อยให้อยู่รอดไปวันๆ โดยไม่มีเวลาทำอย่างที่ใจต้องการอีกต่อไป

        เขาสงสัยนักว่าเธอคิดอะไรอยู่ เพราะก่อนแต่งงาน เธอก็เคยเป็นผู้หญิงที่แสนโรแมนติก วันหนึ่งเขาค่อยๆ เอ่ยกับเธอว่า

        “ค้นฤดูใบไม้ร่วงอย่างนี้อยากเที่ยวที่ไหนสักที่หนึ่งจัง คุณว่าไงจ๊ะที่รัก”

แต่แล้วคำตอบของเธอกลับเหมือนกริชทิ่มแทงไปที่กลางใจของเขา

        “นี่คุณ เรียกสติกลับคืนได้แล้ว ตอนนี้เราต้องคิดให้ปากท้องอิ่มก่อนน่ะ คุณน่ะนานๆ ทีอยากไป แต่ฉันเนี่ยอยากจะไปสักวันละสิบสองครั้งเลยล่ะ เข้าใจไหม”

        เฮ้อ! เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาอุตส่าห์คิดว่า เธอจะเข้าใจเสียอีก เขาเข้าใจผิดไปแล้ว ชีวิตการแต่งงานของเขากลับเธอลุ่มๆ ดอนๆ มาโดยตลอด แม้ต้องออกไปทำงานนอกบ้านทั้งคู่ ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาเถียงกันบ่อยนัก ถึงกระทั้ง เขากับเธอก็มีความสุขกับชีวิต ที่จะไปแล้วเหมือนเด็กเล่นขายของ

        ถ้าวันไดเขาเลิกงานเร็ว เขาจะเป็นฝ่ายเตรียมอาหารเย็นไว้ แล้วออกไปรับเธอด้วยสีหน้าชื่นบาน เธอนั่งกินอาหารไปคุยโทรศัพท์ไป จนบางทีอาหารก็หมดไปโดยไม่รู้ตัว ต่อมาความโรเมนติกได้ลาจากเธอไป เธอเปลี่ยนเป็นคนละคน เธอกลายเป็นคนที่คิดเรื่องปากท้องก่อนเรื่องอื่นใด

ทุกครั้งที่เธอมีโอกาส เธอจะพูดว่า

“คุณนึกว่าที่ฉันดูแลลูกทั้งวันนี่ฉันมีเวลามากเหลอ เหนื่อยจะตายอยู่แล้วนะ”

เธออยู่กับเด็กมากเกินไปจึงกลายเป็นเด็กอีกคนหนึ่งไปแล้ว เธอกลายเป็นคนที่คิดอะไรไม่ได้เสียแล้ว เธอกลายเป็นแม่เสือที่คอยดุด่าเขายามโมโห และเขาก็ต้องคอยระวังสังเกตสีหน้าของเธออยู่ตลอดเวลา แต่เขาก็ยังนึกเอ็นดูเธอเสมอเมื่อเห็นเธอเผลอหลับข้างๆลูกด้วยความเหนื่อยอ่อน

“นี่คงใช่ซินะ ที่เขาว่าความผูกพันยิ่งใหญ่กว่าความรักนะ”

มีรุ่นพี่หนึ่งพูดไว้ตอนที่เขากับเธอผู้แสนโรเมนติกแต่งงานกัน

“ก่อนแต่งงานนะใช้ความรักหล่อเลี้ยงแทนข้าว แต่ลองอยู่ด้วยกันไปสักพักเถอะ”

รุ่นพี่เคยบอกไว้ว่า การแต่งงานไม่ใช่การมัดใจกันไว้ให้ติดกันอยู่เสมอ หากแต่อยู่ด้วยกันด้วยความผูกพัน แต่เขาแย้งว่า “เราไม่เป็นอย่างคู่อื่นแน่ๆ ครับ” รุ่นพี่ได้ฟังแล้วเอาแต่หัวเราะ

“อย่างคู่นายนะ พี่ว่าตัวติดกันสนิทแนบแน่นเลยแน่ๆ ชีวิตแต่งงานแบบนี้ของนายคงมีความสุขมากกว่าที่พี่คิดนะ”

ตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจคำพูดที่รุ่นพี่เคยพูดไว้แล้ว

การแต่งงานไม่ใช่แค่หาข้าวให้กินกันแล้วก็จบแค่นั้น บางคราวการแต่งงานก็เป็นความจริงอันแสนข่มขืน

การแต่งงานคือความจริง แม้จะเป็นเรื่องแสนเศร้า แต่คนเราไม่ได้อยู่ด้วยการกินแต่น้ำค้าง ทุกคนต้องกินอาหารวันละสามมื้อกันทั้งนั้น คงดีหากเราจะหลุดพ้นจากภาพแห่งความฝันให้ได้แค่เพียงวันหนึ่ง ชีวิตในละครโทรทัศน์หรือในภาพยนตร์ก็เป็นแค่ฉากที่สร้างสรรค์ขึ้น แต่...การแต่งงานคือชีวิตจริง



 แหล่งที่มา:สิทธินี ธรรมชัย(2550)ชีวิตคู่อยู่ด้วยรักและเข้าใจ.บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น